เนื้อเรื่อง ของ ไฟนอลแฟนตาซี XIV: อะเรียล์มรีบอร์น

ฉาก

ไฟนอลแฟนตาซี XIV ดำเนินเรื่องในโลกในจินตนาการแห่งดาวเคราะห์ไฮเดลิน (Hydaelyn) ซึ่งมีทวีปใหญ่ 3 ทวีป มีภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมหลากหลาย บนดาวเคราะห์แห่งนี้มีดินแดนแห่งหนึ่งชื่อว่าเอออร์เซีย (Eorzea) ซึ่งประกอบไปด้วยเมืองใหญ่ต่างๆ ได้แก่ นครกริดาเนีย (Gridania) ดินแดนแห่งป่าไม้ ล้อมรอบไปด้วยป่าหนาทึบนามว่าเดอะแบล็กเชราวด์ (The Black Shroud) หรือผ้าคลุมสีนิล ราชนครอุลดาห์ (Ul'dah) เมืองการค้า ตั้งอยู่ในทะเลทรายธานาลาน (Thalanan Desert) เมืองท่าลิมซ่าโลมินซ่า (Limsa Lominsa) ตั้งอยู่บนดินแดนลานอสเซียแห่งอนุทวีปวิลแบรนด์ และเทวนครอิชการ์ด (Ishgard) บนเทือกเขาหิมะแห่งโคเอร์ธาส ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเอออร์เซียเชื่อมต่อกับทวีปใหญ่ซึ่งถูกปกครองโดยจักรวรรดิการ์เลียนและกองทัพ ฝ่ายการเมืองอื่นๆ ในดินแดนแห่งนี้ที่สำคัญได้แก่เหล่าชนเผ่าอมนุษย์ (beastmen) ซึ่งมีเหตุบาดหมางกับชาติต่างๆ อยู่เป็นระยะ ปราชญนครแห่งชาร์ลายาน (Sharlayan) ของผู้ทรงความรู้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และนครอาลามีโก (Ala Mhigo) ที่เคยถูกปกครองโดยจักรวรรดิการ์เลียนเมื่อครั้งเหตุการ์เลียนรุกรานครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 22 ปีก่อนเหตุการณ์ในเรื่อง นครทั้งสี่เคยรวมตัวเป็นปึกแผ่นในนามพันธมิตรแห่งเอออร์เซียก่อนที่จะแตกสลายเมื่ออิชการ์ดถอนตัวอย่างกะทันหัน สามนครที่เหลือจึงคงเป็นพันธมิตรแต่เพียงในนาม ความขัดแย้งนี้ยังทำให้นครมอร์โดนา (Mor Dhona) ถูกทิ้งร้าง ทั้งที่แต่เดิมเคยเป็นดินแดนที่มีสีสันอย่างมาก

ประวัติศาสตร์ของเอออร์เซียคือการวนเวียนระหว่างยุคสว่าง (Astral Era) กับยุคมืด (Umbral Era) โดยยุคมืดคือยุคของหายนะครั้งใหญ่ (Calamity) ยุคมืดที่หนึ่งคือจุดสิ้นสุดของยุคแห่งทวยเทพ หลังหมดยุคนี้เหล่าเทพทั้งสิบสอง (The Twelve) ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์แห่งเอออร์เซียได้ยุติการมีปฏิสัมพันธ์กับชาวโลกทั้งหลาย เมื่อจบยุคมืดก็จะเกิดการรู้แจ้งทั่วและการเจริญทางวัฒนธรรมเรียกว่ายุคสว่าง โดยยุคสว่างที่สามมีความสำคัญเป็นพิเศษเพราะเป็นยุคที่เกิดจักรวรรดิอัลลาแกน (Allagan Empire) ซึ่งมีความเจริญทางเทคโนโลยีสูงมากยิ่งกว่าในสมัยใหม่ ยุคมืดและยุคสว่างแต่ละคู่จะมีความสัมพันธ์กับธาตุพื้นฐานทั้งหก ได้แก่ ลม สายฟ้า ไฟ ดิน น้ำแข็ง และน้ำ เดิมชาวเอออร์เซียเคยเชื่อว่ายุคมืดที่หกจะเป็นยุคมืดครั้งสุดท้าย ความเจริญแห่งยุคสว่างที่หกจะคงอยู่ไปชั่วกาลนาน แต่ห้าปีก่อนเกิดเหตุการณ์ในเรื่องนี้ จักรวรรดิการ์เลียนได้จุดชนวนให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ จนนำไปสู่ยุคมืดที่เจ็ดอันเป็นยุคปัจจุบัน

ชาวการ์เลียนได้ศึกษาวิจัยในโครงการเมเทออร์จนค้นพบวิธีที่จะทำให้ดวงจันทร์น้อยดาลามุด (Dalamud) ตกลงมาสู่โลกเป็นอาวุธได้ แผนนี้นำโดยผู้ดำรงตำแหน่งเลกาตัสแห่งจักรวรรดินามว่าเนล วาน ดาร์นัส มีเป้าหมายที่จะทำลายเผ่าอมนุษย์และเทพอสูรของพวกมันด้วยดวงจันทร์น้อยดาลามุดและเข้ายึดครองสิ่งที่หลงเหลือหลังการทำลายล้าง นครทั้งสามเมื่อทราบแผนนี้ก็ได้ส่งกองทัพใหญ่แกรนด์คอมพานีของแต่ละนครมาร่วมต่อสู้ คณะนักผจญภัยคณะหนึ่งได้ปราบวาน ดาร์นัสลงสำเร็จแต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการร่วงตกของดาลามุดได้ เกิดการสู้รบระหว่างกองทัพแกรนด์คอมพานีและกองทัพรุกรานแห่งการ์เลียนที่สิ้นผู้นำบนที่ราบคาร์เทอโนในมอร์โดนา ขณะนั้นเองที่ดวงจันทร์น้อยดาลามุดแตกตัวออกเปิดเผยว่าแท้จริงแล้วดวงจันทร์น้อยนี้คือคุกโบราณของอัลลาแกนที่คุมขังเทพอสูรมังกรบาฮามุต เมื่อบาฮามุตถูกปลดปล่อยจากคุกนี้ก็ออกอาละวาดทำให้เกิดเป็นหายนะครั้งใหม่ที่นำไปสู่ยุคมืดที่เจ็ด นักปราชญ์ชาวชาร์ลายานผู้หนึ่งนามว่าหลุยซวา เลเวเลอ ได้พยายามใช้พลังของเทพทั้งสิบสองในการคุมขังบาฮามุตอีกครั้งแต่ก็ล้มเหลว จึงได้ใช้พลังนั้นส่งเหล่านักผจญภัยข้ามเวลามายังอนาคต ที่เอออร์เซียจะต้องการพวกเขาอีกครั้ง

ตัวละคร

ผู้เล่นรับบทบาทเป็นนักผจญภัยในเอออร์เซียระหว่างยุคมืดที่เจ็ด ที่ได้เข้าร่วมกับกองทัพ Grand Company หนึ่งในสามกองทัพ ได้แก่ The Order of the Twin Adder แห่งกริดาเนีย นำโดยคานอีเซนนาผู้ดำรงตำแหน่ง Elder Seedseer และเป็นผู้นำเหล่าเด็กแห่งพงไพร มีความสามารถหยั่งรู้คำพยากรณ์ได้, Immortal Flames แห่งอุลดาห์ นำโดยราบาน อัลดิน มนุษย์ชาวไฮแลนเดอร์จากอาลามีโก องครักษ์แห่งสุลต่านหญิงนานาโม อุล นาโม ราบานต่อสู้จนหลุดพ้นจากความยากจนด้วยฝีมือการต่อสู้ในโคลิเซียม, The Maelstorm แห่งลิมซ่าโลมินซ่า นำโดยพลเรือเอกเมิร์ลวิบ โบลฟิสวิน อดีตโจรสลัด ผู้กะเกณฑ์เหล่าโจรสลัดทั้งหลายมาอยู่ใต้บังคับบัญชาได้สำเร็จ พันธมิตรอื่นๆ ได้แก่มินฟิเลีย (Minfilia) และเหล่าผู้สืบทอดแห่งอรุณรุ่งที่เจ็ด (Scions of the Seventh Dawn) ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นใหม่จากการควบรวมคณะวิถีสิบสองเทพ (Path of the Twelve) และคณะแห่งการรู้แจ้ง (Circle of Knowing) ของอาร์คอนหลุยสวา ซึ่งเคยมีบทบาทในยุคสว่างที่หก สมาชิกของเหล่าผู้สืบทอดได้แก่ ธานเครด (Thancred), อีดา (Yda), ปาปาลีโม (Papalymo), อูริอันเจร์ (Urianger), และยัชโตลา (Y'shtola) นอกจากนี้ยังมีหลานฝาแฝดชายหญิงของหลุยสวาที่เดินทางจากชาร์ลายาน ได้แก่ อัลฟิโน่ (Alphinaud) และอลิเซ (Alisaie) โดยมีเป้าหมายดำเนินตามเส้นทางของหลุยสวาเพื่อช่วยเหลือเหล่าชนชาติต่างๆ แห่งเอออร์เซีย สุดท้ายคือซิด การ์ลอนด์ หัวหน้าโรงตีเหล็กการ์ลอนด์ ซึ่งมีความรู้ทางเทคโนโลยีขั้นสูง สามารถสร้างเรือเหาะและอาวุธต่างๆ ให้กับคณะพันธมิตรต่างๆ ได้

ศัตรูของเอออร์เซียคือจักรวรรดิการ์เลียนทางตอนเหนือ นำโดยเลกาตัสไกอัส วาน เบลซาร์ แห่งกองทัพที่สิบสี่ และเหล่าร้อยโทลูกน้อง ได้แก่ ลิเวีย ซาส จูนิอัส, ริทาทิน ซาส อาร์วินา, และ เนโร ทอล สเควา รวมไปถึงเผ่าคนป่าต่างๆ ที่พยายามอัญเชิญเทพอสูร จนทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่ว ทั้งจักรวรรดิและเผ่าคนป่าต่างถูกบงการโดยชาวแอสเซียน เผ่าพันธุ์ที่มีชีวิตอมตะผู้ลึกลับ มีเป้าหมายจะปลุกจอมเทพโซดิอาร์คให้คืนชีพ ซึ่งอาจทำลายล้างทุกสิ่งบนไฮเดลิน

เนื้อเรื่อง

เมื่อเริ่มเกมจะเป็นฉากนิมิตของผู้เล่น กำลังถืออาวุธแห่งแสงตามอาชีพที่เลือกไว้เข้าต่อสู้กับชายชุดดำสวมหน้ากาก นิมิตนี้เป็นความฝันที่ผู้เล่นฝันถึงระหว่างเดินทางไปยังเมืองเริ่มต้นตามที่เลือกไว้ ได้แก่ กริดาเนีย อุลดาห์ และลิมซ่าโลมินซ่า (ส่วนผู้เล่นที่เล่นเกมต่อจากเวอร์ชัน 1.0 ตัวละครจะปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางแสงสว่างในป่าแห่งหนึ่ง หลังจากที่เวทมนตร์สุดท้ายของหลุยสวาได้ช่วยชีวิตผู้เล่นเอาไว้จากเหตุหายนะที่คาร์เทอโน ส่งตัวผู้เล่นข้ามเวลามายังปัจจุบัน) หลังจากที่ผู้เล่นได้ช่วยเหลืองานต่างๆ ให้กับคนในเมือง ก็ได้พบและเข้าร่วมกับคณะนักผจญภัยแห่งเมืองนั้นๆ และได้รับการยกย่องเทียบเคียงกับนักรบแห่งแสง ผู้เคยเข้าร่วมต่อสู้ในสมรภูมิคาร์เทอโน ซึ่งตัวตนของนักรบแห่งแสงถูกทุกคนลืมเลือนไปอย่างเป็นปริศนา ภารกิจต่างๆ หลังจากนี้ทำให้ผู้เล่นเริ่มพบจุดร่วมคือมีเหตุร้ายหลายครั้งที่มีชายสวมหน้ากากอยู่เบื้องหลัง และยังได้พบกับสมาชิกผู้สืบทอดแห่งอรุณรุ่งที่เจ็ดซึ่งเชื่อว่ารู้ที่มาของนิมิตที่ผู้เล่นได้เห็น ในที่สุดผู้เล่นก็ได้พบกับผู้นำองค์กรลึกลับอันนี้ คือ มินฟิเลีย ซึ่งเปิดเผยว่านิมิตที่ผู้เล่นเห็น ก็คือผลของเสียงสะท้อน (The Echo) ซึ่งบ่งบอกว่าผู้เล่นเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากไฮเดลิน คริสตัลมารดร

ในฐานะสมาชิกใหม่เหล่าผู้สืบทอด ผู้เล่นได้ติดตามธานเครดไปสืบหาเบื้องหลังของเหตุการณ์ลักพาตัวและการขโมยคริสตัลตามเส้นทางค้าขาย จนได้พบว่าคนร้ายคือคนของเผ่าคนป่าอะมาลจา (Amalj'aa) ที่คอยจับตัวนักผจญภัยคนแล้วคนเล่าไปสังเวยให้กับเทพอสูรอิฟริต (Ifrit) ผู้เล่นก็พลาดท่าถูกจับตัวมาสังเวยเช่นกัน แต่พลังเสียงสะท้อนได้ปกป้องผู้เล่นเอาไว้ไม่ให้ถูกพลังของอิฟริตล้างสมองได้ ทั้งผู้เล่นยังสามารถต่อสู้และเอาชนะอิฟริตได้ จนได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษ กองทัพแกรนด์คัมพานีแต่ละกองทัพได้ส่งทูตมาเชิญชวนผู้เล่นให้เข้าร่วม ในขณะที่เดินทางไปยังเมืองต่างๆ เพื่อร่วมพิธีรำลึกถึงวีรบุรุษผู้ล่วงลับแห่งคาร์เทอโน ผู้เล่นก็ได้พบกับหลานฝาแฝดชายหญิงของหลุยสวา คืออัลฟิโน่และอลิเซ ทั้งสองมีความเห็นไม่ตรงกันว่าเป้าหมายของพิธีกรรมชาตินิยมเช่นนี้คืออะไรกันแน่ จนทั้งสองเลือกจะแยกกันเดินทาง ภารกิจต่อไปของผู้เล่นคือการสานสัมพันธ์กับเหล่าคนป่าเผ่าซิลฟ์แห่งเดอะแบล็กเชราวด์ผู้รักสันติ แต่มีชาวซิลฟ์บางกลุ่มพยายามจะอัญเชิญเทพอสูรรามูห์มาปกป้องผืนป่าจากการรุกรานของจักรวรรดิการ์เลียน ในขณะที่ต้องตามหาผู้อาวุโสชาวซิลฟ์ผู้เล่นก็ได้พบกับลาฮาเบรอา ตัวจริงของชายสวมหน้ากาก ชาวแอสเซียนผู้เป็นอมตะ และมีเป้าหมายจะทำลายคริสตัลมารดร เหล่าผู้สืบทอดโดยเฉพาะธานเครดตั้งใจจะสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูคนใหม่นี้

คนป่าเผ่าโคโบลด์ในลานอสเซียสั่งสมความโกรธเคืองต่อชาวโลมินซ่าที่บุกรุกดินแดนของพวกเขามาเนิ่นนาน จนในที่สุดก็ได้รวบรวมคริสตัลเพื่ออัญเชิญเทพอสูรประจำเผ่าของพวกตน คือไททัน ผู้เล่นได้รับมอบหมายให้ไปสอบถามข้อมูลการต่อสู้กับเทพอสูรนี้จากสมาชิกคณะผู้กล้าที่เคยปราบไททันและเลไวอาธันลงได้ในยุคสว่างที่หก หลังจากผ่านบททดสอบที่ดูผิวเผินเหมือนเป็นกิจธุระเล็กน้อยผู้นำคณะผู้กล้าก็ได้เปิดเผยวิธีเข้าถึงถิ่นของไททันให้กับผู้เล่น ซึ่งทำได้โดยย้อนกระแสอีเธอร์ในคริสตัลสำหรับเทเลพอร์ตของเผ่าคนป่า แม้ผู้เล่นจะปราบไททันกลับไปสู่กระแสอีเธอร์ลงเป็นผลสำเร็จแต่ชัยชนะนี้ก็อยู่ให้ยินดีได้เพียงไม่นาน ลิเวีย ซาส จูนิอัส ผู้เป็นไทรบูนแห่งจักรวรรดิการ์เลียน ได้บุกเข้ามาในฐานที่มั่นของผู้สืบทอดฯ ที่เวคกิ้งแซนด์ด้วยความช่วยเหลือของชาวแอสเซียน นางได้จับตัวมินฟิเลียไปและสังหารสมาชิกผู้สืบทอดที่อยู่ที่นั่นทั้งหมด ในขณะที่ผู้เล่นและสหายกำลังทำพิธีศพให้กับสหายผู้ล่วงลับ อัลฟิโน่ก็ทราบข่าวว่าเผ่าอิกซาลกำลังเตรียมอัญเชิญเทพอสูรการูด้า เขาเสนอแผนต่อกรกับการูด้าในที่มั่นของมัน แต่แผนนี้จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากวิศวกรเรือเหาะ ซิด การ์ลอนด์ ผู้สูญเสียความทรงจำ และทำงานเป็นผู้ช่วยในงานฝังศพ

ด้วยความช่วยเหลือของอัลฟิโน่และซิด ผู้เล่นเดินทางไปยังเทือกเขาหิมะโคเอร์ธาสเพื่อตามหาเรือเหาะเอนเตอร์ไพรส์ของซิดที่หายสาบสูญ ผู้เล่นได้ช่วยเหลือชาวอิชการ์ดด้วยการเปิดเผยแผนชั่วร้ายของพวกนอกรีตจนได้รับความไว้วางใจจากชาวอิชการ์ดผู้ซึ่งปกติจะไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ และได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไปยังป้อมหินผา (the Stone Vigil) ที่ถูกยึดครองโดยเหล่ามังกรเพื่อค้นหาเรือเหาะเอนเตอร์ไพรส์เป็นผลสำเร็จ ซิดซ่อมแซมเรือเหาะและฟื้นความทรงจำมาได้ด้วยความช่วยเหลือของพลังเสียงสะท้อนของผู้เล่น เขาจึงจดจำได้ว่าเขาเป็นวิศวกรแห่งจักรวรรดิการ์เลียน เป็นผู้ทรยศมาอยู่ฝั่งเอออร์เซีย และเป็นนักประดิษฐ์อัจฉริยะ เรือเหาะเอนเตอร์ไพรส์ตัดผ่านพายุหมุนเข้าไปยังที่อยู่ของการูด้า และผู้เล่นก็เอาชนะการูด้าได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็เหมือนจะไร้ผล เมื่อเผ่าอะมาลจาและโคโบลด์อัญเชิญเทพอสูรของพวกตนมาอีกครั้ง และในขณะที่เทพอสูรทั้งสามกำลังจะเผชิญหน้ากันนั้นเอง เลกาตัสแห่งจักรวรรดิการ์เลียน ไกอัส วาน เบลซาร์ ก็นำจักรกลสงครามแห่งจักรวรรดิอัลลาแกนคืออัลติม่าเวพอนเข้ามาขวางไว้ และได้ให้เวพอนกลืนกินเทพอสูรทั้งสามตนลงไปเพื่อเพิ่มพลัง

เมื่อกลับมาถึงเวคกิ้งแซนด์ ผู้เล่นและคณะก็ได้พบกับเหล่าผู้สืบทอดฯ ที่รอดชีวิต รวมไปถึงสถานที่ที่มินฟิเลียและคนอื่นๆ ถูกจับตัวไป ผู้เล่นและคณะตามไปช่วยเหลือได้สำเร็จ แต่ระหว่างนั้นก็ได้รับรู้ว่าธานเครดถูกลาฮาเบรอาเข้าสิงร่างระหว่างที่ออกสืบเรื่องราว มินฟิเลียและอัลฟิโน่บุกเข้าไปในที่ประชุมระหว่างผู้นำแกรนด์คัมพานีทั้งสามซึ่งกำลังถกเถียงกันว่าควรยอมแพ้ต่อจักรวรรดิการ์เลียนหรือไม่ สุดท้ายแล้วทั้งสามชาติตัดสินใจร่วมมือกันกับคณธพันธมิตรอื่นๆ เกิดเป็นพันธมิตรแห่งเอออร์เซีย ร่วมดำเนินปฏิบัติการอาร์คอนเพื่อตอบโต้ฐานที่มั่นจักรวรรดิการ์เลียนทุกที่พร้อมๆ กัน ผู้เล่นรับหน้าที่นำทีมจู่โจมเข้าไปยังเดอะเพรทอเรียมซึ่งเป็นที่อยู่ของอัลติม่าเวพอน ด้วยพรแห่งแสงจากไฮเดลิน ผู้เล่นประสบความสำเร็จในการแยกเอาอีเธอร์เทพอสูรออกจากตัวอัลติม่าเวพอนและทำลายมันลงได้สำเร็จ จากนั้นจึงดำเนินรอยตามนิมิตตอนต้นเกมด้วยการปราบลาฮาเบรอาในร่างของธานเครดลงด้วยดาบแห่งแสง เมื่อภัยคุกคามจากการรุกรานของจักรวรรดิการ์เลียนสิ้นสุดลง เหล่าผู้นำของแกรนด์คัมพานีก็ได้ประกาศการเริ่มต้นของยุคสว่างที่เจ็ดแห่งเอออร์เซีย โดยผู้เล่นได้รับการยกย่องเสมอเหมือนนักรบแห่งแสงในตำนาน

ยุคสว่างที่เจ็ด

คณะผู้สืบทอดฯ เผชิญกับแรงกดดันให้เข้าร่วมกับกองกำลังของนครใดนครหนึ่ง จึงเลือกที่จะย้ายฐานที่มั่นไปยังเรฟแนนท์โทลล์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมตัวของนักผจญภัยในมอร์โดนาซึ่งเป็นดินแดนที่เป็นกลางทางการเมือง เพียงไม่นานก็มีข่าวว่ามีมูเกิ้ลกลุ่มหนึ่งพยายามอัญเชิญเทพอสูรพระเจ้ามูเกิ้ลม็อกที่สิบสองมหาราช โดยได้รับความช่วยเหลือจากชาวแอสเซียน หลังจากปราบมูเกิ้ลยักษ์ลงได้ ผู้เล่นในฐานะนักรบแห่งแสงก็ได้พบกับชาวแอสเซียนชุดคลุมขาวนามว่าเอลิดิบัส ซึ่งมาทดสอบความแข็งแกร่งของผู้เล่นก่อนจะหายตัวไป หลังจากนั้นไม่นานผู้ลี้ภัยจากนครโดม่าก็มาถึงมอร์โดนา นครแห่งนี้ถูกปกครองโดยจักรวรรดิการ์เลียน พวกเขาจึงเดินทางมายังอุลดาห์เพื่อขอลี้ภัย แต่กลับถูกปฏิเสธ อัลฟิโน่แนะนำให้เหล่าผู้ลี้ภัยมาอยู่อาศัยและทำงานในการก่อสร้างเรฟแนนท์โทลล์ ยูกิริ ผู้นำผู้ลี้ภัยชาวโดม่า แสดงความขอบคุณด้วยการร่วมเดินทางไปกับคณะผู้กล้าแห่งแสงเพื่อไปร่วมสืบลาดตระเวนถิ่นฐานชาวซาฮากินซึ่งกำลังอัญเชิญเทพอสูรเลไวอาธาน ผู้เล่นปราบเลไวอาธานลงสำเร็จโดยใช้คริสตัลมีตำหนิหนึ่งลำเรือ และได้รับความช่วยเหลือจากเรือรบเดอะเวิร์ลอีตเตอร์แห่งนครโลมินซ่า

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

ใกล้เคียง

ไฟนอลแฟนตาซี ไฟนอลแฟนตาซี XII ไฟนอลแฟนตาซี X ไฟนอลแฟนตาซี XIV ไฟนอลแฟนตาซี VII ไฟนอลแฟนตาซี XV ไฟนอลแฟนตาซี V ไฟนอลแฟนตาซี III ไฟนอลแฟนตาซี XIII ไฟนอลแฟนตาซี แทกติกส์: เดอะวอร์ออฟเดอะไลออนส์

แหล่งที่มา

WikiPedia: ไฟนอลแฟนตาซี XIV: อะเรียล์มรีบอร์น http://www.destructoid.com/destructoid-s-gamescom-... http://www.finalfantasyxiv.com/ http://www.gamespot.com/articles/changes-that-seem... http://www.gamespot.com/reviews/final-fantasy-xiv-... http://www.gamesradar.com/final-fantasy-14-realm-r... http://www.ign.com/articles/2013/02/21/relaunching... http://www.ign.com/articles/2013/09/11/final-fanta... http://kotaku.com/5950455/final-fantasy-xivs-desir... http://www.polygon.com/2013/9/20/4753658/final-fan... http://www.polygon.com/2013/9/25/4771330/im-glad-i...